เตรียมตัวเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง เรื่องน่ารู้ก่อนไป เที่ยวเกาหลี

นาทีนี้คงไม่ต้องเอ่ยถึง เที่ยวเกาหลี เพราะการไปเที่ยวเกาหลี คืออีกประเทศและสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต ที่คนไทยหลายๆ คน ต้องการไปให้ได้สักครั้ง สำหรับมือใหม่อยากไปเกาหลี นี่คือ กิจกรรมสุดฮิต เมื่อไปเกาหลีแล้วต้องทำสัก 4-5 อย่างนี้ เช่น ไปชมหมู่บ้านสไตล์ฝรั่งเศส La Provence Village, เล่นสกี SKI, ตามรอยซี่รีย์ เกาหลี WINTER LOVE SONG ที่เกาะนามิ, เที่ยวสวนสนุก Everland, คล้องกุญแจคู่รักและชมวิว 360 องศา กลางกรุงโซลทาวเวอร์, ชมพระราชวังเก่าเคียงบ๊อกคุงกว่า 600 ปี, ช็อปปิ้ง 2 ตลาดดังเมียนดง + ทงแดมุน, ทดสอบทำกิมจิ และใส่ชุดฮันบก ถ่ายรูป, ชมโชว์สุดดังแดนเกาหลี FANTA STICK หรือ DRUM CAT SHOW, ชิมสตรอเบอร์รี่ สดจากไร่, ถ่ายภาพสนุกสนานกับภาพสามมิติ TRICK EYE MUSEUM 3D GALLERY ฯลฯ แต่ถ้าทำได้มากกว่า 4-5 อย่างก็ถือว่าไม่ผิดแต่อย่างใด

คนไทยที่ไปอยู่ที่เกาหลีสามารถอยู่ได้ถึง 90 วัน โดยไม่ต้องขอวีซ่าใดๆเลย โดยใช้ Passport ที่มีอายุเกิน 6 เดือนก็พอ เพราะฉะนั้นหากใครคิดอยากไปเที่ยวเกาหลีแบบอยู่ยาวๆหน่อย 20-30 วัน ไม่ต้องกลัวจะอยู่ไม่ได้นะ อยู่ได้สบายเลย ไม่ต้องขอวีซ่าด้วย

ไปเที่ยวเกาหลีด้วยตัวเองไปฤดูไหนดี

ที่ประเทศเกาหลีนั้นจะแบ่งออกเป็น 4 ฤดูด้วยกัน คือมีฤดูใบไม้ผลิ, ฤดูร้อน, ฤดูใบไม้เปลี่ยนสี, ฤดูหนาว ซึ่งแต่ละฤดูก็มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน แต่ละฤดูนั้นสถานที่ท่องเที่ยวจะมีกิจกรรมแตกต่างกันไป หากชอบอากาศอุ่นๆพอดีๆต้องไปเที่ยวในช่วงเดือน 3-8 ช่วงนี้ต้นไม้ใบหญ้าสีสวยสดใส ท้องฟ้าแจ่มใส แต่งตัวสบายๆไม่หนาวมาก แต่หากเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้เปลี่ยนสีก็จะได้บรรยากาศโรแมนติก ฟีลดีๆ ไปกับคนรักหรือครอบครัว เป็นอะไรที่ฟินมาก ส่วนช่วงฤดูหนาวนั้น อากาศหนาวมาก หากอยากลองไปสัมผัสหิมะในเมืองหนาวจริงๆ เล่นสกี ทำกิจกรรมต่างๆของเมืองหนาว ก็ให้ไปช่วงเดือนธันวาถึงกุมภาดูรับรองหนาวได้ใจ

ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบ้ไม้ผลิจะอยู่ในช่วงเดือน มีนาคม-พฤษภาคม ต้นไม้เริ่มผลิใบออกดอกสวยงาม ท้องฟ้าเปิด มีแสงแดด อากาศอุ่นๆเริ่มเข้ามาหลังจากที่เป็นหน้าหนาวอันแสนหดหู่ ในช่วงนี้อุณหภูมิจะอยู่ที่ราวๆ 10-19 c ซึ่งถือว่าเย็นๆค่อนไปทางหนาวนิดหน่อย แต่ก็ถือว่าสบายๆ ใส่เสื้อยืดกับแจ็คเก็ตซักตัวก็อยู่แล้ว ส่วนคุณผู้หญิงก็เช่นกันใส่เสื้อผ้าซักสองชิ้นจะดีกว่า เพราะอากาศระดับนี้ออกไปเดินเที่ยวด้วยขาสั้น กับ เสื้อตัวเดียว คงเป็นหวัดเอาได้ง่ายๆ

ฤดูร้อน อยู่ในช่วงเดือน มิถุนายน-สิงหาคม อากาศดีในช่วงนี้ไม่ร้อนมากสำหรับคนไทย แถมวิวของกรุงโซลนั้นยังสวยมากในช่วงนี้ด้วย ดอกไม้ใบหญ้าเขียวขจีไปหมด การใส่เสื้อผ้านั้นใส่เพียงชิ้นเดียว ชิลๆ ก็เดินไปไหนมาไหนได้สบายละ แต่ตอนกลางคืนอาจจะหนาวซักหน่อย และในหน้านี้ช่วงเดือน ก.ค. อาจจะมีฝนตกบ้าง ซึ่งทำให้อากาศเย็นลงไปอีกอาจจะต้องใส่เสื้อผ้าหนาๆกันซักหน่อยหากมีฝนตก

ฤดูใบไมเปลียนสี อยู่ระหว่างเดือน 9 – 11 อุณภูมจะลดลงไปถึง 5- 15 C ในฤดูนี้ท้องฟ้ายังคงแจ่มใส ใบไม้เริ่มร่วงโรย เปลี่ยนสีจาก เขียว > เหลือง > ทอง แดง น้ำตาล ก่อนที่จะร่วงมากองเต็มพื้นไปหมดในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ช่วงนี้เหมาะจะเป็นช่วงที่มาเที่ยวประเทศเกาหลีที่สุด เพราะบรรยากาศต่างๆดีมากๆ เรียกว่าประทับใจสุดๆ อากาศก็เย็นสบาย แต่ช่วงนี้จะค่อนข้างคับคั่งไปด้วยนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ แต่รับรองว่าหากคุณมาเที่ยวในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีคุณจะประทับไม่มีวันลืมเลย

ฤดูหนาว อยู่ในช่วงเดือนธันวาคมไปถึงเดือนกุมภาพันธ์ ฤดูนี้อาจจะหนาวเกินไปสำหรับคนไทยขี้หนาวเพราะอุณภูมิจะติดลบ 10 องศาเลยในช่วงกลางคืน และ มีหิมะตกอีกด้วย แต่ถ้าใครคิดว่าทนความหนาวได้ ให้เตรียมเสื้อกันหนาวหนาๆไปด้วย ในช่วงนี้นั้นคุณยังจะได้ทำกิจกรรมเมืองหนาวอย่างการเที่ยวรีสอร์ทบนยอดเขาที่มีหิมะปกคลุมและได้เล่นสกีหิมะด้วย อาคารต่างๆ รวมทั้งบ้านเรือนจะเปิดฮีตเตอร์ตลอด เพราะอากาศนั้นหนาวจริงๆ

การจัดกระเป๋าเดินทางเสื้อผ้าไปเกาหลี

การแต่งกาย ไปเกาหลี

เสื้อผ้าที่เตรียมสำหรับเดินทาง ควรเหมาะกับสภาพอุณหภูมิ ควรเตรียมเสื้อคลุมกันหนาว และรองเท้าที่สวมใส่สบาย ถุงเท้า ถุงมือ (ถุงมือ หรือเสื้อคลุมกันหนาวนี่เอาไปเผื่อสักคู่ สักตัวก็พอได้นะคะ แล้วค่อยไปหาซื้อใหม่สวยๆ ที่นู่นก็ได้) แนะนำเลกกิ้งตัวหนาๆ กันหนาว ไม่ใช่เลกกิ้งบางๆ ของไทยเรานะ

จัดกระเป๋าเดินทาง ไปเกาหลี

น้ำหนักของกระเป๋าเดินทางไม่ควรเกิน 20 กิโลกรัม ต่อ 1 ท่าน หากน้ำหนักเกินกว่าที่กำหนดไว้ ทางสายการบินจะเรียกเก็บค่าน้ำหนักเพิ่ม ประมาณกิโลกรัมละ 400–500 บาทโดยประมาณ ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขอื่นของทางสายการบินด้วย และสำคัญมากๆ เลยควรตรวจป้ายชื่อทุกครั้ง เนื่องจากการส่งประเป๋าไปตามห้องพัก จะดูป้ายผูกกระเป๋าเป็นหลัก (ภาษาที่ใช้ในป้ายติดกระเป๋า ควรเป็นภาษาอังกฤษด้วย) และควรเลือกกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่แบบแข็งแรง และมีล้อเนื่องจาก บริกรที่ประเทศเกาหลีมีค่อนข้างน้อย ดังนั้นการใช้บริการพนักงานยกกระเป๋าหรือเบลล์บอย จึงต้องจ่ายค่าบริการตามมารยาทอย่างน้อย 5,000-6,000 วอน / ใบ

แหล่งท่องเที่ยวและช็อปปิ้งในกรุงโซล เที่ยวเกาหลีด้วยตัวเอง

หากมาเที่ยวเกาหลีกรุงโซลด้วยตัวเอง แน่นอนว่าต้องเตรียมวางแผนและเวลาไปเที่ยวและเลือกแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ให้ดี จะได้ประหยัดเวลาและรู้ว่าควรไปตรงไหนๆ

เมียงดง (myeongdong)

แหล่งช็อปปิ้งหลักอันดับ 1 ในเกาหลี ทั้งแบรนด์เนมต่างประเทศและแบรนด์เนมของเกาหลี แถมยังมีห้างสรรพสินค้าปลอดภาษีอันดับ 1 ของกรุงโซลนั้นก็คือ Lotte ซึ่งที่เมียงดงนี้หลายๆร้านค้ายังลดราคาให้นักท่องเที่ยวด้วย เพราะฉะนั้นเตรียม passport และ/หรือ ตั๋วเครื่องบิน เอาไว้ด้วยหากมาช็อปที่เมียงดง

วิธีเดินทางไปเมียงดง
  • Myeongdong Station (Line 4, Exit 6)
  • Euljiro-1-Ga Station (Line 2, Exit 6)

หอคอยเอ็นโซล (N Seoul Tower)

หอคอยแห่งกรุงโซล (Seoul Tower) หรือ “นัมซานทาวเวอร์” (Namsan Tower) ตั้งอยู่ในสวนนัมซาน หนึ่งในสัญลักษณ์ของโซล และเป็นจุดชมวิวที่ฮิตที่สุดอีกด้วย สามารถชมวิวสวยๆ ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน

วิธีเดินทางไปหอคอยเอ็นโซล
  • รถไฟใต้ดินสายที่ 3 และ 4 ลงที่สถานี Chungmuro ทางออกที่ 2 และขึ้นรถประจำทางสาย 2 ลง N Seoul Tower
  • รถไฟใต้ดินสายที่ 6 ลงที่สถานี Itaewon ทางออกที่ 4 และขึ้นรถประจำทางสาย 3 ลง N Seoul Tower

คลองชองเกชอน

คลองชองเกชอน คลองโบราณใจกลางกรุงโซล คลองเก่าแก่อายุกว่า 600 ปี อดีตเคยเน่าเสีย แต่ปัจจุบันน้ำใสสะอาด มีน้ำพุ น้ำตก ที่นั่งพักผ่อนและจุดท่องเที่ยวที่น่าแวะชมตลอดแนวคลอง คุณสามารถนั่งชมคลองได้ในขณะที่นั่งดื่มอยู่ในร้านกาแฟและบาร์ซึ่งมีอยู่มากมายไปทั้งสองฝั่งคลอง ในช่วงค่ำจะได้เห็นการตกแต่งด้วยแสงไฟ จุดท่องเที่ยวหนึ่งของคลองแห่งนี้ที่น่าสนใจ เริ่มตั้งแต่บริเวณ Cheonggye Plaza ที่มีสัญลักษณ์คือ Spring Tower คล้ายเปลือกหอยสีม่วง, Gwangtonggyo สะพานข้ามคลองชองเกชอน ที่ใหญ่ที่สุด

วิธีเดินทางไปคลองชองเกชอน
  • รถไฟใต้ดินสาย 5 ลงสถานี Gwanghwamun ทางออกที่ 5
  • รถไฟใต้ดินสาย 1, 2 ลงสถานี City Hall ทางออกที่ 4




ความคิดเห็น